ซีรีส์เกาหลีตีความ “หมอดู-ความเชื่อผีสาง” ในมุมใหม่

You are currently viewing ซีรีส์เกาหลีตีความ “หมอดู-ความเชื่อผีสาง” ในมุมใหม่

ในซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซีทางช่อง tvN เรื่อง “Head Over Heels” ตัวละคร “ซองอา” นักเรียนมัธยมปลายที่ทำงานเป็นหมอผีลับ ๆ ตอนกลางคืน พูดว่า

“เมื่อชีวิตสั่นคลอนท่ามกลางวิกฤต คนเราก็จะหาหมอผี”

เธอประกอบพิธี “ชอนโดเจ” เพื่อส่งวิญญาณ และทำพิธีไล่วิญญาณร้าย แต่โทนของซีรีส์กลับไม่ได้มืดหม่นจนเกินไป
ระหว่างพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ นาฬิกาข้อมือของเธอดังขึ้น ทำให้เธอต้องรีบเร่งพิธีพลางพูดว่า

“ถ้าทำพิธีไม่เสร็จภายใน 10 นาที ฉันต้องไปแล้วนะ”


เมื่อวิญญาณประท้วง เธอกลับตอบว่า

“วันนี้มีสอบกลางภาคนะ รู้ใช่มั้ยว่านักเรียนมัธยมจะซวยแค่ไหนถ้าคะแนนตก?”

ซีรีส์ที่เริ่มฉายวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เล่าเรื่องราวของ ซองอา (รับบทโดย โชอีฮยอน (Cho Yi-hyun) หมอผีวัยรุ่นที่มองเห็นวิญญาณ และคยอนอู (รับบทโดย ชูยองอู (Choo Young-woo) นักเรียนใหม่ผู้มีชะตาต้องตายก่อนวัยอันควร ซองอาพยายามช่วยชีวิตรักแรกของเธอให้พ้นจากโชคชะตานั้น


เรื่องราวถ่ายทอดความขัดแย้งระหว่างพิธีกรรมและชีวิตนักเรียน, ความเชื่อกับชีวิตวัยรุ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นเรื่องราว coming-of-age ที่น่าติดตาม

จากสัญลักษณ์ของความน่ากลัว → สู่แกนกลางของ K-Drama

ในอดีต การนำเสนอเรื่องหมอผีในโทรทัศน์มักมีไว้เพื่อสร้างความกลัว ฉากมักอยู่ในหมู่บ้านชนบทห่างไกล หรือในเรื่องผีแปลก ๆ อย่างซีรีส์ “เรื่องผีๆ ทางช่อง KBS” (1977–1989) ที่หมอผีมักถูกวางตัวเป็นตัวประกอบ หรือแม้แต่ตัวร้าย

แต่ในยุค 2020s ซีรีส์เกาหลีได้ตีความแนวหมอผีในมุมใหม่ แทนที่จะอยู่ในศาลเจ้าท่ามกลางป่าเขา กลับมาอยู่ในห้องเรียนเมืองใหญ่
จากหมอผีหญิงวัยกลางคน → กลายเป็นนักเรียนหญิงในชุดนักเรียนมัธยมที่เผชิญหน้ากับวิญญาณ
หมอผีกลายเป็นตัวละครหลักของเรื่อง ไม่ใช่แค่ตัวประกอบอีกต่อไป

ซีรีส์ “Oh My Ghost Clients” จากช่อง MBC ที่เพิ่งลาจอไป เป็นอีกตัวอย่างที่หยิบหมอผีมาเชื่อมกับประเด็นแรงงานในสังคม โดยเล่าเรื่อง โนมูจิน (รับบทโดย จองคยองโฮ (Jung Kyung-ho) ที่ได้รับคำสั่งจากสิ่งเหนือธรรมชาติให้ “คลี่คลายความแค้นของเหล่าคนทำงาน” เขาจึงกลายเป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างโลกคนเป็นและวิญญาณ

ในที่นี้ “หมอผี” ไม่ได้มีแค่บทบาทขับไล่วิญญาณ แต่เปลี่ยนเป็น “ผู้รับฟัง”
การรับฟังความทุกข์ของคนที่ตายอย่างไม่เป็นธรรม และปลดปล่อยความแค้น → กลายเป็นพิธีชอนโดเจในโลกสมัยใหม่
บทหมอผีจึงไม่ใช่แค่เรื่องลี้ลับ แต่คือเครื่องมือของการฟัง, การปลอบโยน และการพูดแทนเสียงของคนที่ไม่มีโอกาสพูด

อีกเรื่องอย่าง “The Haunted Palace” จากช่อง SBS ใช้ฉากหลังเป็นยุคประวัติศาสตร์

ตัวละคร “ยอรี” (รับบทโดย คิมจียอน (Kim Ji-yeon) ที่ตอนแรกต่อต้านโชคชะตาแห่งการเป็นหมอผี สุดท้ายร่วมมือกับ “คังชอล” (รับบทโดย ยุกซองแจ (Yook Sung-jae) ปีศาจอิมูกีที่อาศัยในร่างของรักแรกของเธอ เพื่อต่อสู้กับคำสาปในราชวงศ์
เรื่องราวผสมความรัก, พิธีขับไล่, และความลึกลับในรั้ววัง ได้อย่างลงตัว

ความเชื่อผีสาง กับคนรุ่นใหม่

นักวิจารณ์วัฒนธรรมชี้ว่า ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแสสังคมที่คนรุ่น MZ (มิลเลนเนียล + Gen Z) หันมาให้ความสนใจเรื่องความเชื่อและความไม่แน่นอนมากขึ้น

ในยุคที่โอกาสในการก้าวหน้าในชีวิตลดน้อยลง อนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
“หมอผี” จึงไม่ใช่เพียงคนเปลี่ยนชะตา แต่กลายเป็น “ผู้รับฟังความรู้สึกที่พูดไม่ได้”

“ไม่เหมือนกับผีฝรั่งที่มักมาทำร้ายคนโดยไร้เหตุผล ผีในวัฒนธรรมเกาหลีมักมีความแค้นและต้องการการสื่อสารกับคนเป็น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพิธีของเกาหลีจึงเน้นการปลอบโยนและส่งวิญญาณ มากกว่าการขับไล่แบบตะวันตก” – จองดอกฮยอน นักวิจารณ์วัฒนธรรม

เขายังกล่าวถึงรายการเรียลลิตี้โชว์อย่าง “Possessed Love” ที่มีหมอดูวัยรุ่นมาร่วมรายการ ว่าส่งผลให้ทัศนคติของสังคมต่อหมอผีเปลี่ยนไปในทางที่เป็นบวกมากขึ้น

“ความสบายใจที่หมอผีมอบให้ ดูเหมือนเป็นแฟนตาซีรูปแบบหนึ่งของคนยุคใหม่
จากเดิมที่เรื่องหมอผีถูกจำกัดไว้ในแนวสยองขวัญ ตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ดราม่าแนวอบอุ่น, แฟนตาซี, และเรื่องราววัยรุ่นที่เข้าถึงใจผู้ชม”

นักวิจารณ์อีกคน ฮาแจกึน สรุปว่า:

“หมอผีในวัฒนธรรมเกาหลีไม่ได้มีหน้าที่ขจัดสิ่งชั่วร้ายเท่านั้น แต่ยังปลอบโยนและส่งวิญญาณของผู้ตายอย่างไม่เป็นธรรม เรื่องหมอผีจึงสามารถขยายไปสู่เรื่องเล่าที่เยียวยาจิตใจและช่วยเหลือคนที่บาดเจ็บภายในได้อย่างดี”

Leave a Reply