อีจองแจชื่นชมผู้สร้าง “Squid Game” ที่กล้าจะจบซีรีส์เพื่อให้ผลงานสมบูรณ์แบบแทนการสร้างภาคต่อไปเรื่อยๆเพื่อเรื่องของธุรกิจ!

You are currently viewing อีจองแจชื่นชมผู้สร้าง “Squid Game” ที่กล้าจะจบซีรีส์เพื่อให้ผลงานสมบูรณ์แบบแทนการสร้างภาคต่อไปเรื่อยๆเพื่อเรื่องของธุรกิจ!

นักแสดงหนุ่มอีจองแจ (Lee Jung Jae) หวังว่าคอนเทนต์เกาหลีจะยังคงได้รับความสนใจในระดับโลก

“เหนือสิ่งอื่นใด ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาคือการได้ผ่านประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงครับ” อีจองแจ กล่าวถึง “Squid Game” ซีรีส์ที่พาเขาไปสู่ชื่อเสียงระดับโลก

นักแสดงหนุ่มไม่เคยคาดคิดว่า “Squid Game” จะเปลี่ยนชีวิตเขา และเปลี่ยนมุมมองของผู้ชมทั่วโลกที่มีต่อซีรีส์เกาหลี ตอนนี้เมื่อซีรีส์ยอดฮิตได้เดินทางมาถึงบทสรุปอันเข้มข้นในซีซั่น 3 นักแสดงเจ้าของรางวัลเอ็มมีคนนี้ได้สะท้อนถึงน้ำหนักทางอารมณ์ของเรื่องราว การเสียสละครั้งสุดท้ายของตัวละคร และเหตุผลที่เขาชื่นชมการตัดสินใจของผู้กำกับที่เลือกจบเรื่องด้วยเงื่อนไขของตัวเอง

“สำหรับเรื่องนี้ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความสนใจและความรักที่ผู้ชมมอบให้นั้นมีมากมายมหาศาลครับ” เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Korea Times ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในกรุงโซล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ในซีซั่นสุดท้ายนี้ อีจองแจ รับบทเป็นชายหนุ่มที่สูญเสียเพื่อน ๆ ไปเพราะการก่อกบฏที่เขาเป็นผู้นำได้ล้มเหลวลงในเกมอันตราย ด้วยความรู้สึกผิดและโกรธเขาจึงจมอยู่กับความสิ้นหวัง — จนสุดท้ายตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อทารกที่คลอดระหว่างเกมการแข่งขัน

แม้จะรู้สึกเสียดายกับบทสรุปที่ชัดเจนนี้ เขากล่าวว่าเจตนาของผู้เขียนและผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก (Hwang Dong Hyuk) ที่เลือกจบเรื่องก็ชัดเจนไม่แพ้กัน

“เพราะซีรีส์ประสบความสำเร็จอย่างมาก มันจึงมักจะมีคำถามตามมาว่า ‘เมื่อไหร่จะจบ?’ แล้วก็ถูกขยายเป็นแฟรนไชส์ที่ยืดยาวต่อไปอีกหลายปีครับ” เขากล่าว

“แต่แทนที่จะยืดความสำเร็จแบบนั้น ผมรู้สึกทึ่งในความกล้าของผู้กำกับที่เลือกจบเพื่อความสมบูรณ์ของผลงาน มันทำให้ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ใส่ใจและรักในคุณภาพของงาน มากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจครับ”

อีจองแจ กล่าวว่าหลังจากได้ชมตอนจบเขาก็มั่นใจว่าผู้กำกับฮวังดงฮยอก เป็น “นักเขียนอย่างแท้จริง” ที่ให้ความสำคัญกับความซื่อตรงของเนื้อเรื่องเหนือสิ่งอื่นใด

“เขาเองก็คงมีความเสียดายอยู่บ้าง แต่เขาก็ตัดสินใจจบมัน และนั่นยิ่งทำให้ผมอยากสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่มากขึ้นไปอีกครับ” นักแสดงหนุ่มกล่าว

ซีซั่น 3 ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายจากผู้ชม บางส่วนมาจากความคาดหวังที่สูงมาก และอีกส่วนหนึ่งมาจากบทสรุปที่ไม่คาดคิดของตัวละครหลัก บางคนยกย่องว่าเป็น “บทสรุปที่น่าพอใจ” ขณะที่บางคนรู้สึกผิดหวังโดยมองว่าเป็น “ประสบการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์” และ “ซีรีส์สูญเสียความเฉียบคมไป”

“เสียงตอบรับที่หลากหลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผลงานใด ๆ ที่ไม่ใช่แค่ความบันเทิงทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘Squid Game’ เพราะแต่ละตอนล้วนมีสารที่ต้องการสื่ออย่างชัดเจน ซึ่งผมคิดว่าเป็นธรรมชาติที่ข้อความเหล่านี้จะนำไปสู่การตีความและถกเถียงที่หลากหลายครับ” เขากล่าว

สำหรับ อีจองแจ ฉากที่เขาจดจำได้มากที่สุดคือการเล่าย้อนเรื่องราวของ กีฮุน และการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเขา

“เราทุ่มเทอย่างมากในการถ่ายทอดกระบวนการของคนธรรมดาที่ต้องเข้ามาเล่นเกมในโลกอันไร้เหตุผลเช่นนี้ครับ เราแสดงให้เห็นถึงเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเข้ามาในโลกนี้ด้วยตัวเอง ผมขอเน้นย้ำถึงสถานการณ์ของ กีฮุน ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าสู่สนามของเกมรวมถึงตอนจบของเรื่องครับ” เขากล่าว

อีจองแจ ในวัย 52 ปี ยอมรับว่า “Squid Game” คือผลงานที่นิยามทั้งอาชีพและชีวิตของเขา บทบาทนี้ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงเกาหลีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในระดับโลก

“ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ผู้คนก็จำผมได้อย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ผมคิดว่า ‘ว้าว… Squid Game มันยิ่งใหญ่จริง ๆ’ ครับ” เขากล่าว

“สิ่งที่ผมหวังจาก ‘Squid Game’ คือ คอนเทนต์เกาหลีจะได้รับการรู้จักในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ผมหวังว่าประตูที่เปิดออกอย่างกะทันหันนี้จะไม่แคบลงหรือปิดไป แต่จะขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เรื่องราวของเกาหลีสามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้นครับ”

Leave a Reply