นักแสดงสาว พัคจีฮยอน (Park Ji-hyun) ถ่ายทอดการแสดงที่ลึกซึ้งและซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการแสดงของเธอ ผ่านผลงานซีรีส์ “You and Everything Else” ทาง Netflix — และเธอบอกว่า ส่วนหนึ่งของการแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นได้ เพราะมี คิมโกอึน (Kim Go-eun) ร่วมแสดงอยู่ข้าง ๆ อย่างมั่นคง
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Hankook Ilbo ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านจงโน กรุงโซล พัคจีฮยอนได้พูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งเล่าเรื่องราวของเพื่อนสนิทสองคน อึนจอง และ ซังยอน ที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อน เต็มไปด้วยความรัก ความชื่นชม ความอิจฉา ความขมขื่น และการให้อภัยกันตลอดช่วงชีวิตของพวกเธอ
พัคจีฮยอน รับบทเป็น ชอนซังยอน หญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมบาดแผลทางอารมณ์ ต้องเผชิญช่วงชีวิตที่ปั่นป่วน — ต่อสู้กับความขัดแย้งในวัย 20 ปี การห่างเหินในวัย 30 ปี และการยอมรับชะตากรรมในวัย 40 ปี ขณะที่เธอกำลังเข้าใกล้จุดจบของชีวิต
“ฉันโหยหาบทบาทแบบซังยอนมานาน” พัคจีฮยอน กล่าว “ตั้งแต่เปิดอ่านบทครั้งแรก ฉันก็รู้สึกเชื่อมโยงทันที และเมื่อรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับคิมโกอึน ซึ่งฉันเคารพอย่างมาก มันก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเลย ฉันอยากเล่นตัวละครที่มีอารมณ์หลากหลายและมีเรื่องราวเข้มข้น”
เผชิญหน้าความตาย และสำรวจอารมณ์อันซับซ้อน
เมื่อถูกถามว่ายากไหมในการเข้าใจตัวละครซังยอน พัคจีฮยอน ตอบว่า
“ฉันไม่คิดว่ามีอะไรที่เข้าใจไม่ได้ แม้แต่คนร้ายก็ยังเชื่อว่าตัวเองกำลังทำดีที่สุด ในฐานะนักแสดง ฉันเข้าใจเธอโดยธรรมชาติและไม่รู้สึกว่ามันยากนักที่จะเล่นบทนี้”
เธอยังเล่าว่าต้องร่วมพูดคุยเชิงลึกกับผู้กำกับและนักเขียนบทเพื่อสร้างพื้นหลังของตัวละครให้สมจริง
ซีรีส์เรื่องนี้ยังพูดถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่าง “การุณยฆาต”
“ฉันรู้สึกว่ามันเป็นพรที่ได้เจอโปรเจคที่ให้ฉันเล่นตัวละครตั้งแต่เด็กจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต” เธอกล่าว “บทนี้เล่าตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจนถึงความตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมาก เพราะหัวข้อนี้เป็นสิ่งที่ถกเถียงกัน ฉันเลยศึกษาจากสารคดีหลายเรื่องเพื่อเตรียมตัว ฉันเชื่อว่า การให้สิทธิ์คนที่ใกล้ตายได้เลือกวิธีจบชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป”
ต่างจากบทบาทก่อน ๆ ของเธอที่มักเน้นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ซังยอนกลับเป็นตัวละครที่ต้องเติบโตผ่านหลายทศวรรษ ซึ่งเป็นความท้าทายทั้งในด้านการแสดงและการควบคุมอารมณ์
“ตอนถ่ายฉากที่ซังยอนอยู่ในวัย 40 ฉันจะร้องไห้ก่อนถ่ายประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้หน้าบวมสมจริง” พัคเล่า “ทุกประโยคในบทเจ็บปวดจนเหมือนทะลุหัวใจ และฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอเมื่ออึนจองเติมเต็มช่องว่างในชีวิตของซังยอน ฉันต้องเล่นให้เห็นการยอมรับความตายอย่างสงบ แต่สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไม่ได้เลย บางครั้งฉันก็รู้สึกถึงขีดจำกัดของการแสดงตัวเอง”
คิมโกอึน — “ผู้ที่ยึดทุกอย่างไว้ด้วยกัน”
พัคจีฮยอน กล่าวยกย่อง คิมโกอึน ว่าเป็นคนที่ช่วยพาเธอผ่านฉากยาก ๆ ไปได้
“ในช่วงสุดท้ายที่ซังยอนใกล้ตาย ฉันยังคงได้ยินเสียงของอึนจองพูดว่า ‘ซังยอน หายใจนะ ซังยอน ฉันรักเธอ’ ฉันอยากตอบกลับมาก แต่ไม่มีเสียงออกมาเลย” เธอกล่าวทั้งน้ำตาคลอ “ฉันไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลย โกอึนออนนีคอยสนับสนุนฉันอย่างเต็มที่ นั่นทำให้ฉันสามารถแสดงได้อย่างอิสระ คำชมทั้งหมดที่ฉันได้รับจริง ๆ แล้วควรเป็นของเธอมากกว่า”
เธอกล่าวต่อทั้งกลั้นน้ำตา
“โกอึน ออนนีเป็นเหมือนก้อนหินที่มั่นคง ไม่ว่าจะโยนอะไรไป เธอก็รับไว้ทั้งหมด ฉันให้สิ่งตอบแทนได้ไม่มากนัก ก็เลยพยายามมอบกำลังใจเล็ก ๆ ระหว่างถ่ายทำ ฉันเคารพเธอในฐานะนักแสดงมากจริง ๆ และอยากเป็นคนแบบเธอให้ได้”
พัคจีฮยอน ยังสะท้อนว่าตัวเองมีบางอย่างคล้ายกับซังยอน
“ซังยอนแสดงความอิจฉาและความไม่พอใจต่ออึนจอง เพราะรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่ได้รับความรัก” เธอกล่าว “ฉันเองก็มีความรู้สึกอิจฉาคนอื่นบ้างเหมือนกัน แต่ต่างจากซังยอนตรงที่ฉันเป็นคนพูดตรง ๆ ส่วนเธอกลับไม่รู้จะสื่อสารอย่างไร”
ทบทวนมิตรภาพ และช่วงสุดท้ายของชีวิต
เพราะซีรีส์เรื่องนี้เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของเพื่อน พัคจีฮยอน จึงบอกว่ามันทำให้เธอได้กลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงของตนเอง เธอพูดถึงการออกรายการวาไรตี้ในอดีตที่เธอเคยบอกว่า “ไม่มีเพื่อน” — ซึ่งต่อมาทำให้เกิดกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์
“ตอนนั้น ฉันให้คำนิยามคำว่า ‘เพื่อน’ ว่าต้องเป็นคนที่ฉันไว้ใจได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” เธอกล่าว “แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าความเป็นเพื่อนหมายถึงการอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่า”
พัคจีฮยอน ยังพูดถึงการที่ผู้ชมมีมุมมองต่อซังยอนแตกต่างกัน
“บางคนมองว่าเธอเป็นคนไม่ดี แต่ฉันก็ขอบคุณทุกคนที่ยังตั้งใจมองเห็นตัวละครนี้ในแบบใดก็ตาม สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ฉันอยากบอกว่า ‘ลองดูให้จบก่อนแล้วค่อยวิจารณ์’” เธอกล่าวพร้อมหัวเราะ “ความตายเชื่อมโยงกับชีวิตอย่างแน่นแฟ้น ฉันเคยพูดว่าความฝันของฉันคือ ‘อยากตายอย่างสงบ’ ซึ่งตอนนั้นหลายคนเข้าใจผิด แต่ตอนนี้อารมณ์ของซังยอนยังคงอยู่ในใจฉันเสมอ”
ที่มา koreatimes