ไม่เกินจริงเลยที่จะบอกว่าช่วงนี้วงการโทรทัศน์เต็มไปด้วยซีรีส์แนวกฎหมาย
ปัจจุบันละคร “Beyond the Bar” ของช่อง JTBC กำลังออกอากาศพร้อมกระแสความนิยมแรง ตามหลังละคร “Law and the City” ของช่อง tvN และ “Good Partner” ของช่อง SBS ที่เพิ่งลาจอไปไม่นาน นอกจากนี้ “Pro Bono” (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งเขียนโดยอดีตผู้พิพากษา ก็มีกำหนดจะออกอากาศทางช่อง tvN ภายในปีนี้เช่นกัน
แต่เหตุใดละครแนวกฎหมายถึงได้รับความนิยมขนาดนี้?
ปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งคือบทละครส่วนใหญ่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายจริงๆ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่มีทนายและผู้พิพากษามีส่วนร่วมทำให้ซีรีส์แนวนี้มีความสมจริงสูง เพิ่มทั้งคุณภาพและความน่าเชื่อถือ
“Beyond the Bar” เป็นผลงานที่สะท้อนความสมจริงจากนักเขียน พัคมีฮยอน (Park Mi-hyun) ซึ่งเคยเป็นทนายมาก่อน โดยเล่าเรื่องของทนายความหน้าใหม่ คังฮโยมิน (รับบทโดย จองแชยอน (Jung Chae-yeon) และการเติบโตสู่การเป็นทนายเต็มตัว ภายใต้การดูแลของทนายหุ้นส่วน ยุนซอกฮุน (รับบทโดย อีจินอุค (Lee Jin-wook) แทนที่จะเน้นแค่ผลแพ้ชนะ คดีต่างๆ ในเรื่องกลับสะท้อนให้เห็นหัวใจที่บอบช้ำของลูกความ การปกป้องผู้อื่นจากบาดแผล และการที่ตัวละครต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลของตนเอง

ซีรีส์ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่า “นำอารมณ์ที่เป็นมนุษย์ที่สุด—ความรัก—มาไว้ในสถานที่ที่ไร้ความเป็นมนุษย์ที่สุด—ศาล แล้วรื้อสร้างใหม่อีกครั้ง” เรื่องราวแต่ละตอนจึงขับเคลื่อนด้วยคดีต่างๆ ภายใต้ชื่อของ “ความรัก” กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงใหม่ๆ อยู่เสมอ
ละครยังหยิบยกคำถามที่ไม่มีคำตอบง่ายๆ ในชีวิตจริง เช่น “สเปิร์มที่เสียหายในผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยากมีคุณค่าเพียงใด?” “ความรักที่มากเกินไปของพ่อแม่จะถือเป็นอาชญากรรมได้หรือไม่?” และ “การตอบโต้ด้วยความรุนแรงต่อผู้ทำร้ายเด็กสามารถถือเป็นสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่?” ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความคิดและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ต้องทำหน้าที่ตัดสิน
ซีรีส์เริ่มออกอากาศด้วยเรตติ้งเพียง 3% แต่ด้วยกระแสปากต่อปากก็พุ่งทะลุ 8% ได้ตั้งแต่ตอนที่ 4 และเมื่อปล่อยลงใน Netflix ก็ขึ้นถึงอันดับ 2 ของซีรีส์ทีวีภาษาต่างประเทศทั่วโลก และ ณ วันพุธที่ผ่านมา ก็ได้ครองอันดับ 1 ในชาร์ต Top 10 ของเกาหลีแล้ว
ละคร “Law and the City” ของช่อง tvN ที่เพิ่งจบไปก็เช่นกัน เขียนโดยทนายความที่ยังทำงานจริง อีซึงฮยอน (Lee Seung-hyun) เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของสำนักงานกฎหมายเล็กๆ ถ่ายทอดชีวิตประจำวัน คดีความ และการเติบโตของทนายรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการถ่ายทอดบรรยากาศสมจริงของย่านซอโชดง ทางตอนใต้ของโซล ที่เต็มไปด้วยภาพคุ้นตาของตรอกซอกซอย คาเฟ่ และร้านอาหาร ท่ามกลางพื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงการกฎหมายเกาหลี ตั้งแต่ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลแขวง ไปจนถึงสำนักงานอัยการ

ขณะเดียวกัน ละคร “Good Partner” ของช่อง SBS ก็เขียนโดยทนายผู้เชี่ยวชาญด้านคดีหย่า เล่าเรื่องของทนายรุ่นใหญ่ผู้เย็นชา เข้มงวด และทนายรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ต่างก็แก้ไขคดีไปในแนวทางของตัวเอง

พัคกอนรยอง (Park Gun-ryoung) ทนายในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง กล่าวว่า “การดูละคร Law and the City ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดู Vlog ชีวิตประจำวันของทนายจริงๆ เลยค่ะ มันให้ความรู้สึกคุ้นเคย”
เขายังยอมรับว่าเป็นแฟนผลงานของ มุนยูซอก (Moon Yoo-suk) อดีตผู้พิพากษาที่ผันตัวมาเป็นนักเขียน พร้อมเสริมว่า “เมื่อก่อนละครแนวกฎหมายมักจะเล่าเรื่องคดีใหญ่ในสำนักงานกฎหมายใหญ่ๆ หรือการแก้แค้นอาชญากรรมร้ายแรง แต่พักหลังเริ่มขยายมาสู่ข้อพิพาทในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง คดีอาญา หรือปัญหาในที่ทำงาน สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมทั่วไปสนใจมากขึ้น และเปิดโอกาสให้เกิดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ได้ง่ายกว่า”
ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่า การมีนักเขียนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจริงช่วยเพิ่มทั้งความสมบูรณ์และความน่าเชื่อถือให้ละครแนวกฎหมาย
นักวิจารณ์วัฒนธรรม จองด๊อกฮยอน (Jung Duk-hyun) ชี้ว่า ความสามารถของ “Beyond the Bar” ที่จะสอดแทรกประเด็นเชิงปรัชญาเข้าไปในเรื่องราวได้อย่างแนบเนียน มาจากประสบการณ์จริงและความมั่นใจของผู้เขียน
“การจัดการกับประเด็นหนักๆ แบบนี้อาจเสี่ยงกลายเป็นการแก้ต่างให้ทนายฝ่ายเดียว แต่เพราะ พัคมีฮยอน เคยเผชิญกับปัญหาเหล่านี้จริง รู้จักระบุปัญหา และเสนอคำตอบที่มีความหมาย จึงสามารถสร้างสคริปต์ที่มีสาระจริงจังได้ โครงสร้างของเรื่องก็ชัดเจนและเข้าถึงง่าย ทำให้ผู้ชมติดตามได้อย่างไม่ยาก ซึ่งเป็นการการันตีว่ากระแสความนิยมของละครไม่น่าจะลดลงในเร็ววัน” เขากล่าว
ในขณะเดียวกัน มุมมองของสังคมที่มีต่อทนายก็เปลี่ยนไป จากการมองว่าเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ สู่การมองว่าเป็นเพียงแค่อาชีพหนึ่ง
“การที่ทนายมองคดีจากมุมมองของลูกความ ทำให้ผู้ชมเข้าถึงและเชื่อมโยงทางอารมณ์ได้ง่ายขึ้น” นักวิจารณ์อีกคน คงฮีจอง (Kong Hee-jung) กล่าว
ที่มา koreatimes
