กระแสใหม่กำลังเกิดขึ้นในวงการบันเทิง: นักแสดงญี่ปุ่นระดับแถวหน้าหันมารับบทนำในซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีมากขึ้นเรื่อย ๆ
เอตะ นากายามะ (Eita Nagayama) ได้รับเลือกให้แสดงร่วมกับ ซอนซกกู (Son Suk Ku) ในซีรีส์ Road ทาง Netflix ที่กำลังจะลงจอ โดยผลงานนี้กำกับโดย ฮันจุนฮี (Han Jun Hee) จาก D.P. เนื้อหาของเรื่องติดตามนักสืบเกาหลีและญี่ปุ่นที่ร่วมมือกันไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดโหด
โช คาซามัทสึ (Sho Kasamatsu) จะปรากฏตัวเคียงข้าง ซอลคยองกู (Sul Kyung Gu) และ ฮงคยอง (Hong Kyung) ในภาพยนตร์ Good News ของผู้กำกับ บยอนซองฮยอน (Byeon Sung Hyun) ซึ่งมีกำหนดฉายบน Netflix วันที่ 17 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ เขายังได้รับการยืนยันให้เข้าร่วมในซีซัน 3 ของ Taxi Driver ซีรีส์ฮิตจากช่อง SBS ที่ถือเป็นผลงานลายเซ็นของพระเอก อีเจฮุน (Lee Je Hoon) อีกด้วย
เมื่อปีที่แล้ว เคนทาโร่ ซากากุจิ (Kentaro Sakaguchi) ได้รับบทนำร่วมกับ อีเซยอง (Lee Se Young) ในซีรีส์ดราม่าอบอุ่นหัวใจ What Comes After Love ขณะเดียวกันดาวรุ่ง เคอิตะ มาจิดะ (Keita Machida) ได้เซ็นสัญญากับต้นสังกัดเกาหลี HB Entertainment
กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นจากสองปัจจัยหลัก: ฐานผู้ชม และค่าตอบแทน
สื่อเกาหลีได้สร้างฐานผู้ชมในระดับนานาชาติ ทำให้นักแสดงญี่ปุ่นมีโอกาสขยายตลาดออกไปไกลกว่าการมุ่งเน้นในประเทศเป็นหลัก การเข้าร่วมในผลงานเกาหลีช่วยให้พวกเขาเข้าถึงผู้ชมทั้งในเอเชียและตลาดต่างประเทศอื่น ๆ
ค่าตอบแทนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ นักแสดงญี่ปุ่นแถวหน้ามีรายได้เฉลี่ยราว 64,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งตอน (ประมาณ 2 ล้านบาท) ขณะที่นักแสดงเกาหลีระดับท็อปสามารถทำรายได้มากกว่านั้นถึงสามถึงสิบเท่า
รูปแบบนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ผลิตเกาหลี การคัดเลือกนักแสดงญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงช่วยลดต้นทุนได้ ในขณะเดียวกันยังช่วยดึงดูดผู้ชมจากญี่ปุ่น ส่วนทางนักแสดงญี่ปุ่นเองก็ได้รับทั้งค่าตอบแทนที่สูงขึ้น และโอกาสการเผยแพร่สู่ตลาดโลกผ่านการจัดจำหน่ายผลงานเกาหลี
ประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของนักแสดงในญี่ปุ่นเพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาโดยนักแสดง ทากายูกิ ยามาดะ (Takayuki Yamada) ที่กล่าวว่าระบบภายในประเทศมักบีบให้นักแสดงต้องพึ่งพารายได้จากโฆษณาและงานพรีเซนเตอร์ มากกว่ารายได้จากการแสดงในภาพยนตร์และโทรทัศน์
ที่มา (1)