ดิสแพทสัมภาษณ์ อีแชมิน ทุกเรื่องราวกับการแสดงเกินร้อยใน Bon Appétit, Your Majesty

You are currently viewing ดิสแพทสัมภาษณ์ อีแชมิน ทุกเรื่องราวกับการแสดงเกินร้อยใน Bon Appétit, Your Majesty

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา tvN ได้ประกาศรายชื่อนักแสดงของซีรีส์ Bon Appétit, Your Majesty เมนูรักพิชิตใจราชา โดยจุดที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือการเปลี่ยนตัวพระเอกแทนพัคซองฮุน ซึ่งตำแหน่งนั้นตกเป็นของนักแสดงหน้าใหม่ที่เกิดในปี 2000 อีแชมิน

ในตอนนั้น วงการบันเทิงมองเขาด้วยความกังวลมากกว่าคาดหวัง เพราะเขาอายุน้อยกว่านางเอก ยุนอา ถึง 10 ปี และมีประสบการณ์การแสดงน้อย

อีแชมินต้องพิสูจน์ตัวเอง เขาไม่มีสิทธิ์ทำให้ผลงานที่เตรียมไว้อย่างดีต้องมาเสียหายได้ เวลาที่เหลือก่อนเริ่มถ่ายทำมีเพียงหนึ่งเดือน เขาจึงเริ่มเรียนศิลปะการเขียนพู่กันเกาหลีและการขี่ม้าอย่างจริงจัง

เขาฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ และลงลึกรายละเอียด จนกลายเป็นตัวละคร อีฮอน (พระราชาทรราช) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และเมื่อถึงวันที่ออกอากาศตอนแรกในเดือนสิงหาคม เมฆแห่งความสงสัยก็จางหายไป เสียงพูดชัดถ้อยชัดคำ การแสดงอารมณ์ที่สลับไปมาระหว่าง “ความบ้าคลั่ง” และ “ความไร้เดียงสา” ทำให้เขากลายเป็นอีฮอนตัวจริง

“ผมทุ่มสุดตัวจริง ๆ ครับ เล่นเหมือนเดิมพันด้วยชีวิต เพราะไม่อยากให้ผลงานต้องเสียหายเพราะผม”

คำมั่นนั้นไม่สูญเปล่า ซีรีส์เริ่มต้นด้วยเรตติ้ง 4.9% และตอนสุดท้ายพุ่งขึ้นถึง 17.1%

สปอร์ตไลต์ทั้งหมดจับจ้องไปที่เขา สื่อถึงกับพาดหัวว่า

“การเลือกอีแชมินเป็นทรราช คือการตัดสินใจอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า”

◆ พระเอกครั้งแรก ละครย้อนยุคครั้งแรก และฉากกินครั้งแรก

Bon Appétit, Your Majesty คือครั้งแรกในทุกด้านของอีแชมิน ทั้งบทพระเอก ละครพีเรียด และฉากกินอาหาร (ม็อกบัง)

ยิ่งไปกว่านั้น เวลาซ้อมก็มีจำกัด เขาจึงเริ่มจากทักษะพื้นฐานของละครย้อนยุค

“ผมเรียนเขียนพู่กันทุกวันและฝึกขี่ม้า ผมชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วเลยเรียนขี่ม้าได้เร็ว ตอนหลังขี่ได้ดีจนไม่ต้องใช้ตัวแทนเลยครับ”

ทีมงานและนักแสดงทุกคนช่วยเขาอย่างเต็มที่

“ผู้กำกับกับรุ่นพี่นักแสดงช่วยผมเยอะมาก จัดอ่านบทกลุ่มบ่อย ๆ ทำให้ผมจับคาแรกเตอร์ได้ดีขึ้นมากครับ”

เสียงพูดที่มั่นคงของเขามาจากความพยายามอย่างต่อเนื่อง

“ไม่ได้ฝึกพิเศษเพื่อบทละครย้อนยุคหรอกครับ ผมเรียนการออกเสียงมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้ว ซึ่งมันมาช่วยได้พอดี”

เขายังใส่ใจมากกับฉากกินอาหาร โดยดูการ์ตูนเป็นตัวอย่าง

“ผมส่องกระจกซ้อมหลายรอบ เพื่อหาวิธีทำให้ฉากกินออกมาดูดี ไม่ทำให้คนดูอึดอัด”

เมนูที่เขาชอบที่สุดในเรื่องคือ “บีฟบูร์กิญง”

“ตอนถ่ายฉากแข่งกับพ่อครัวจากราชวงศ์หมิง เนื้อซี่โครงวัวอร่อยมากครับ ผมกินเพลินจนเพิ่มขึ้น 3 กิโล!”

เขายังสารภาพว่าเป็น “สายกินตัวจริง”

“ผมทำงานเพื่อจะได้กินเลยก็ว่าได้ ชอบหาร้านอร่อย ๆ มากครับ ของโปรดคือเนื้อย่าง!”

◆ ผลลัพธ์ 120%

เดิมทีผู้กำกับ จางแทยู ไม่ได้เลือกอีแชมินเป็นตัวเลือกแรก แต่หลังจากได้ร่วมงาน เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า

“พอใจเกิน 120% อีแชมินไม่ได้แค่เตรียมพร้อม แต่ยังทำให้เห็นผลลัพธ์จริง ๆ”

อีแชมินยังจำได้ดีถึงวันที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้กำกับ

“อยู่ ๆ ท่านก็บอกว่า ‘ทำตามที่นายอยากทำเถอะ’ ตอนนั้นผมคิดว่า ‘อ๋อ ผมเริ่มดูเหมือนอีฮอนจริง ๆ แล้วสินะ’ จากนั้นผมก็เริ่มเล่นอย่างเป็นอิสระมากขึ้นครับ”

นางเอก ยุนอา ก็เป็นกำลังใจสำคัญ

“พี่เขาเข้ามาคุยก่อนเสมอ แบ่งปันไอเดียและให้คำแนะนำตลอดครับ”

“ตอนแรกผมกังวลมาก แต่พี่ยุนอาบอกผมตลอดว่า ‘ทำได้ดีแล้ว’ พี่เขาให้กำลังใจมากจริง ๆ ครับ”

แม้ตอนจบของ Bon Appétit, Your Majesty จะมีเสียงถกเถียงกัน เพราะจบแบบแฮปปี้แต่ดูเหมือนข้ามส่วนของการย้อนเวลาไป
อีแชมินมองว่า

“ผมคิดว่าอีฮอนได้กลับมาเพราะพลังแห่งความรักครับ วิญญาณ ‘มังอุนรก’ ช่วยเขาเพราะความรักที่มีต่อยอนจียอง”

เมื่อถูกถามถึงชีวิตของอีฮอนในยุคปัจจุบัน เขาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า

“ในตอนจบเห็นเขาทำบิบิมบับใช่ไหมครับ ผมว่าคงกลายเป็นผู้ช่วยเชฟของจียองแน่เลย”

◆ เด็กเรียนดีที่กลายเป็นนักแสดง

สมัยเด็ก ความฝันของอีแชมินคือ “ครู” เขาเป็นนักเรียนเก่งอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน
ผลสอบจำลองในมัธยมปลายได้เกรดระดับ 1 แทบทุกวิชา

สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาคือช่วงปิดเทอมขึ้น ม.6

“ผมบอกพ่อแม่ว่าอยากเป็นนักแสดง แล้วพวกท่านก็อนุญาตอย่างง่ายดาย”

แต่เส้นทางไม่ได้ราบรื่น เพราะเขามี โรคกลัวเวที

“ผมกลัวการยืนต่อหน้าผู้คนมากครับ ก็เลยสมัครเรียนการแสดงเพื่อฝึกตัวเอง”

“ปีนั้นผมซ้อมแทบไม่ได้นอนเลยครับ ตั้งเป้าว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากสถาบันทุกวัน”

ความพยายามได้ผล เขาสอบติดทั้งมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลี (K-ARTS), ม.ซองกยุนกวัน, ม.ทงกุก และ ม.เซจง
สุดท้ายเลือกเรียนที่ K-ARTS ภาควิชาการละคร

และเพียง 5 ปีหลังเดบิวต์ เขาก็กลายเป็นดาวรุ่ง มีรายงานว่าได้รับบทเสนอมากกว่า 30 เรื่องแล้ว

แต่เขายังคงไม่ลืมจุดเริ่มต้น

“เป้าหมายของผมคืออย่าสูญเสียตัวตนครับ ถึงบทจะเปลี่ยนแต่ใจต้องไม่เปลี่ยน ผมเชื่อว่าต้องเป็น ‘คนดี’ ก่อน ถึงจะเป็น ‘นักแสดงที่ดี’ ได้ครับ”

ที่มา dispatch

เครดิตภาพ Baro Entertainment และซีรีส์เรื่อง ‘The Tyrant’s Chef’ ทางช่อง tvN

Leave a Reply