รายงานกลางปี 2025 ของ Netflix: “Squid Game” ครองอันดับยอดเข้าชมทั่วโลก

You are currently viewing รายงานกลางปี 2025 ของ Netflix: “Squid Game” ครองอันดับยอดเข้าชมทั่วโลก

Netflix ได้เปิดเผยรายงานยอดผู้ชมอย่างเป็นทางการประจำครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งเผยให้เห็นว่า คอนเทนต์เกาหลียังคงสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

ตามรายงาน 2025 Engagement Report ผู้ใช้งาน Netflix ทั่วโลกรวมเวลาดูคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มได้สูงถึง 95 พันล้านชั่วโมงในช่วงครึ่งปีแรก และหนึ่งในกลุ่มผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือ ซีรีส์เกาหลี ดัดแปลงจากเว็บตูน และอนิเมชั่นที่มีแรงบันดาลใจจาก K-pop

นำมาเป็นอันดับหนึ่งอีกครั้งคือซีรีส์ระดับปรากฏการณ์ Squid Game โดยทั้งซีซั่น 2 และซีซั่น 3 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไป ติดอันดับ Top 10 ซีรีส์ที่มียอดเข้าชมสูงที่สุดทั่วโลกบน Netflix ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 โดยรวมทั้ง 3 ซีซั่นทำยอดเข้าชมรวมกันได้ถึง 231 ล้านครั้งภายในเวลาเพียง 6 เดือน

Squid Game Season 3 ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน สามารถทำยอดเข้าชมได้ถึง 72 ล้านครั้งภายในเวลาเพียง 3 วันก่อนสิ้นสุดช่วงรายงาน (วันที่ 30 มิถุนายน) และยังสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Top 10 ของ Netflix ในทั้ง 93 ประเทศในสัปดาห์เปิดตัว

แต่ไม่ใช่แค่ซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดเท่านั้นที่โดดเด่น When Life Gives You Tangerines ซีรีส์โรแมนติกอบอุ่นหัวใจที่ถ่ายทำบนเกาะเชจู และบอกเล่าเรื่องราวของแอซุนและกวานชิก ก็สามารถสะกดใจผู้ชมทั่วโลก โดยมียอดเข้าชมถึง 35 ล้านครั้งในช่วงครึ่งปีแรก

When Life Gives You Tangerines

ผลงานที่ดัดแปลงจากเว็บตูนก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน The Trauma Code: Heroes on Call ซีรีส์แนวการแพทย์ที่เข้มข้น ทำยอดเข้าชมได้ 34 ล้านครั้ง ขณะที่ซีรีส์แอ็กชัน Weak Hero Class 1 และ Class 2 ตามมาติด ๆ ด้วยยอดเข้าชม 22 ล้าน และ 20 ล้านครั้งตามลำดับ

อนิเมชั่นเกาหลีก็สร้างกระแสไม่แพ้กัน KPop Demon Hunters ทำยอดเข้าชมได้ 37 ล้านครั้ง แม้จะออกฉายก่อนจบช่วงรายงานไม่ถึง 1 เดือน ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความคลั่งไคล้ไปทั่วโลก เพลงของเหล่าไอดอลในเรื่องไต่ชาร์ตทั้ง Spotify, Apple Music และ iTunes และซาวด์แทร็กของเรื่องยังทำสถิติเป็น OST ภาพยนตร์ที่ขึ้นชาร์ต Billboard 200 ได้สูงที่สุดในปี 2025

ที่น่าสนใจคือ Netflix เปิดเผยว่า มีไม่ถึง 15% ของคอนเทนต์เกาหลีในรายงานนี้ที่มาจากทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่ Netflix เป็นเจ้าของโดยตรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม ในการผสมผสานระหว่างผลงาน Original, Pre-buy และลิขสิทธิ์จากภายนอก เพื่อขยายขอบเขตของคอนเทนต์เกาหลีให้เข้าถึงผู้ชมทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา Netflix

Leave a Reply