ย้อนกลับไปยัง ปี 1995 ซีรีส์ญีปุ่นระดับคลาสสิค เรื่อง Aishiteiru to Ittekure ของช่อง TBS ที่มีความยาว 12 ตอน สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วประเทศญี่ปุ่น ด้วยเรตติ้ง 21.3% และได้รับความนิยมมากมายจากผู้ชมทั่วโลกจนได้รับคะแนนโหวตบนเว็บไซต์ IMDb สูงถึง 8.0 ต่อมาในปี 2023 ช่อง ENA ได้หยิบเอาต้นฉบับมาปัดฝุ่น แล้วรีเมคใหม่ในชื่อ Tell Me That You Love Me นำแสดงโดย จองอูซอง และ ชินฮยอนบิน เริ่มสตรีมให้ผู้ชมในไทยได้ดูบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา
Tell Me That You Love Me ว่าด้วยเรื่องราวของตัวละครหลักสองตัวที่ใช้ชีวิตบนโลกที่แตกต่างกัน คนหนึ่ง คือ จิตรกรผู้บกพร่องทางการได้ยินอย่าง ชาจินอู รับบทโดย จองอูซอง นักแสดงระดับแถวหน้าของเกาหลีใต้ ที่ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปกับการรับบทภาพยนตร์เป็นหลัก การรับบทนำในเรื่องนี้จึงถือเป็นการคัมแบครับบทซีรีส์ในรอบ 10 ปีของตัวเขาเอง โดยนางเอกที่มารับบทเป็น จองโมอึน นักแสดงตัวประกอบที่กลายมาเป็นรักครั้งใหม่ของ จินอู คือ ชินฮยอนบิน (Reborn Rich, Hospital Playlist 1 และ 2) ชีวิตของ โมอึน ในวัยสามสิบกว่า ยังไม่เคยไปแตะสิ่งที่คนวัยทำงานเรียกว่า “ความสำเร็จ” เธอยังคงตามหาความฝันในการเป็นนักแสดงด้วยการพยายามไปออดิชั่นรับบทในละครเรื่องต่าง ๆ ถึงแม้ว่าบทนั้นจะเป็นแค่ตัวประกอบฉากเดินผ่านไปมาหน้ากล้อง ไม่มีบทพูดให้ท่องจำแต่มันก็เป็นความฝันสูงสุดของเธอ
จริง ๆ ชีวิตของทั้งคู่เหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เพราะเส้นทางอาชีพก็แตกต่าง แต่หลังจากการพบกันโดยบังเอิญที่กองถ่ายของ โมอึน ชีวิตของทั้งสองคนก็เหมือนถูกลิขิตให้อยู่ใกล้กันตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญที่ โมอึน ทำงานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่ร้านประจำของ จินอู หรือความบังเอิญที่เธอทำงานในหอจัดแสดงงานศิลปะ ที่จินอู เป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับนักเรียนมัธยมที่บกพร่องทางการได้ยินเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงได้เริ่มพัฒนาขึ้น ท่ามกลางการเดินทางไปสู่เป้าหมายของ โมอึน
แน่นอนว่าหากพูดถึงซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่บกพร่องทางการได้ยิน เราเคยประทับใจไปแล้วกับซีรีส์แนวย้อนเวลา รักวัยรุ่น เรื่อง Twinkling Watermelon ที่มีครบทั้งความแฟตาซี เสียงดนตรี ชีวิตวัยรุ่น และความดราม่า แต่เมื่อมองกลับมายัง Tell Me That You Love Me ที่พูดถึงตัวละครลักษณะเดียวกัน ต่างกันตรงช่วงวัยของคู่พระนาง ที่ฉายภาพความรักแบบผู้ใหญ่ มากกว่าเรื่องแรกที่กล่าวมา ทั้งเรื่องอายุของนักแสดง และอายุของตัวละครในเรื่องที่แตกต่างกัน และยิ่งไปกว่านั้น คือ กำแพงทางภาษาที่ทำให้การสื่อสารกันในเรื่องลำบากมากขึ้น ถึงแม้ว่า โมอึน จะพอสามารถเข้าใจท่าทางภาษามือได้บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่คำง่าย ๆ เท่านั้น
จุดสังเกตอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างตัวละครในเรื่อง คือ ก่อนที่ซีรีส์จะทำให้เราเห็นมุมมองด้านบวกที่คนทั่วไปมีต่อ จินอู ซีรีส์ฉายภาพปัญหาที่มีโอาสจะเกิดความเข้าใจผิดกับคนที่บกพร่องทางการได้ยินได้ ด้วยฉากที่มีเด็กผู้ชาย แอบเข้าไปเล่นกับแมวในบ้านของ จินอู แต่เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงทักทายของเด็ก เขาถึงไม่รู้ว่ามีเด็กเข้าไปแอบอยู่ในบ้านของเขานานกว่า 5 ชั่วโมง กว่าจะรู้ตัว ตำรวจก็มาล้อมบ้าน และพาเขาไปโรงพักด้วยข้อหาลักพาตัวเด็กแล้ว โชคยังดีที่ในชีวิตของเขามีเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน คอยเป็นคนช่วยสื่อสารกับตำรวจจนเขาได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังจากนั้น เราถึงจะเริ่มได้เห็นความพยายามในการพูดคุย เพื่อลดช่องวางระหว่างกันของ โมอึน กับ จินอู
โดยลำดับความสัมพันธ์ในเรื่อง เราจะเห็นชัดเลยว่า จินอู ไม่ได้เริ่มต้นความรู้สึกกับผู้หญิงคนนี้ ด้วยท่าทีที่อยากเปิดใจ เพราะตัวละครของเขามีบาดแผลทางใจขนาดใหญ่ ที่ถูกซ่อนเอาไว้รอการเฉลยช่วงท้ายอยู่ แต่ถึงจะพยายามซ่อนความรู้สึกแค่ไหน การเข้าหาแบบจริงใจ และไม่กลัวที่จะพูดความรู้สึกออกมาของ โมอึน ยิ่งทำให้คนที่ไม่คิดว่าจะรักใครได้อีกอย่าง จินอู ไม่สามารถฝีนความรู้สึกของตัวเองได้ บวกกับเพื่อนสนิทของเขาที่แต่งงานมีครอบครัวกับภรรยาที่หูหนวกเช่นกัน ก็คอยเชียร์ให้ จินอู ลองเริ่มต้นรักครั้งใหม่กับผู้หญิงคนนี้ดู จนในที่สุดทั้งคู่ก็ยอมรับความรู้สึกของกันและกัน ว่ามันคือความรักที่มีให้กันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความสงสารในแบบที่ จินอู กลัวว่า โมอึน จะรู้สึกกับเขาแบบนั้น
แต่ความรักไม่ได้สวยงาม หรือราบเรียบ ให้คนดูใจฟูกับคู่นี้ แค่เพราะความรู้สึกตรงกัน และยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันได้เสมอไป การตกลงคบหาดูใจกันของทั้งสองคน เลยต้องผ่านอุปสรรคมากมายไปด้วยกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 16 ตอน เป็นอุปสรรคที่มาจากฝั่งของ โมอึน และมาจากความสัมพันธ์ในอดีตของ จินอู ด้วย ความพิเศษของซีรีส์เรื่องนี้ คือ การที่เราได้เห็นนักแสดงระดับคุณภาพอย่าง จองอูซอง ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านแววตา และสีหน้าในแต่ละช่วงอารมณ์ที่แตกต่างกัน เพราะตัวละคร จินอู ของเขาไม่สามารถสื่อสารเวลาเข้าฉากด้วยคำพูดได้ ในขณะที่ฝั่งของ ชินฮยอนบิน ก็ต้องใช้ภาษามือในการสื่อสาร และตามอารมณ์ที่ถูกส่งมาให้ทันเช่นกัน ตรงนี้ต้องชื่นชมเคมีของทั้งคู่ ที่ทำให้คนดูอย่างเราคอยลุ้นเอาใจช่วยเส้นทางความรักของทั้งคู่ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนจบ
ดังนั้น หากจะให้สรุปสิ่งที่เราชอบในซีรีส์เรื่อง Tell Me That You Love Me นอกเหนือจากความอบอุ่นของตัวละคร และการยอมรับข้อบกพร่องของกันและกัน แม้ว่าทั้งคู่จะแตกต่างกันด้วยอายุ และการสื่อสารที่เหมือนอยู่บนโลกคนละใบ แต่ประเด็นที่ซีรีส์ซ่อนเอาไว้ ระหว่างความรักของ โมอึน กับ จินอู คือ การมีคนรอบข้างที่คอยซัพพอร์ตหัวใจของทั้งคู่เสมอ ไม่ว่าชีวิตต้องเจอกับเรื่องอะไรมา คือ ความโชคดีที่สุดในชีวิตของคนธรรมดา ๆ อย่างเรา
รับชม Tell Me That You Love Me พร้อมซับไทย 16 ตอนจบ ได้ที่ Disney+ Hotstar