ตอนจบของซีรีส์ทางช่อง tvN เรื่อง “Jeongnyeon: The Star Is Born” ซึ่งออกอากาศตอนสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดกระแสตอบรับเชิงลบอย่างมากจากแฟน ๆ ของเว็บตูนที่เป็นต้นฉบับของซีรีส์
ซีรีส์ที่มีเรตติ้งผู้ชมสูงสุดที่ 16.5 เปอร์เซ็นต์เรื่องนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเบี่ยงเบนไปจากเรื่องราวที่เน้นผู้หญิงเป็นหลักของเว็บตูน ส่งผลให้ถูกกล่าวหาว่า “ทำลายงานต้นฉบับ”
ผู้เชี่ยวชาญได้สังเกตเห็นว่าทีมสร้างได้ตัดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการนำเสนอเรื่องเพศทางเลือกและสตรีนิยมออกไป ซึ่งเป็นประเด็นหลักของเนื้อหาต้นฉบับ ส่งผลให้คุณภาพโดยรวมของละครเรื่องนี้ลดน้อยลง
“Jeonnyeon” เป็นเรื่องราวการเดินทางของ ยุนจองนยอน รับบทโดย คิมแทรี (Kim Tae Ri) นักร้องมากความสามารถจากเมืองมกโพ ที่ได้มีโอกาสไปอยู่กับบริษัทโอเปร่าแห่งชาติมาเอรันที่มีชื่อเสียง และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการ เรื่องราวนี้เน้นย้ำถึงความฝัน ความทะเยอทะยาน และการต่อสู้ดิ้นรนของศิลปินหญิงในโลกของโอเปร่าที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในช่วงทศวรรษ 1960
แม้ว่าเว็บตูนจะได้รับการยกย่องถึงการเล่าเรื่องที่แยบยล แต่ซีรีส์เรื่องนี้กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ต้นเรื่องเนื่องจากละเว้นตัวละครสำคัญอย่าง บูยง ที่อยู่ในต้นฉบับ บูยง ไม่เพียงแต่จะเป็นแฟนคนแรกของ จองนยอน เท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนชีวิตที่ช่วยสร้างสรรค์และเป็นคนรักในแบบที่ไม่ผูกมัดของเธออีกด้วย บูยง ซึ่งเป็นนักเขียนบทได้เขียนบทละครเรื่อง “The Legend of the Twin Towers” ซึ่งเป็นบทละครที่ผลักดันให้ จองนยอน ก้าวสู่จุดสูงสุดของชื่อเสียง
ผู้กำกับ จองจีอิน (Jung Ji In) อธิบายในบทสัมภาษณ์กับ Cine21 ว่าแก่นแท้ของ บูยง ได้ถูกนำไปผสมกับตัวละครตัวอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม บางคนคาดเดาว่าการเอาบท บูยง ออกนั้นเกิดจากความกังวลว่าธีมเกี่ยวกับเพศในเว็บตูนเรื่องนี้จะถูกมองว่าเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน”
การเลือกดัดแปลงเนื้อหาที่ไม่ค่อยดีทำให้ตอนจบเป็นที่ถกเถียง
ตอนสุดท้ายของซีรีส์เบี่ยงเบนไปจากเนื้อเรื่องเดิม โดยลบเรื่องราวการเติบโตของผู้หญิงไปมาก จูรัน ซึ่งมีความสัมพันธ์โรแมนติกอย่างแนบแน่นกับ จองนยอน ถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
ในขณะเดียวกัน บริษัทโอเปร่าแห่งชาติมาเอรันก็ถูกยุบไป และที่ทำกิจการของพวกเขาซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกันทางศิลปะ ก็ถูกขายเพื่อเปลี่ยนเป็น “โยจอง” (สถานประกอบการระดับไฮเอนด์) ส่วนตัว จองนยอน เองก็ออกจากโอเปร่าเพื่อไปเป็นนักแสดงละครกลางแจ้งแบบดั้งเดิม ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนจบที่สร้างพลังให้กับเว็บตูน
ในทางตรงกันข้าม เว็บตูนต้นฉบับจบลงด้วยการที่ บูยง กลับมาพบกับ จองนยอน อีกครั้งหลังจากปฏิเสธการแต่งงานแบบคลุมถุงชน และทั้งสองได้นำโอเปร่าหญิงกลับมาสู่ยุคฟื้นฟู ซออีแร (Seo Yi Rae) ผู้สร้างเว็บตูนเรื่องนี้ เคยเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ว่าตอนจบนั้นตั้งใจให้มองโลกในแง่ดี โดยให้ความยุติธรรมกับศิลปินหญิงที่เคยถูกมองข้ามมาโดยตลอด
แฟน ๆ แสดงความผิดหวังทางโลกออนไลน์ โดยระบุว่าตอนจบเป็น “การทรยศต่อต้นฉบับ” แฟนเว็บตูนคนหนึ่งกล่าวว่า “การดัดแปลงเว็บตูนหมายถึงการสร้างสรรค์ที่อยู่บนพื้นฐานแฟนคลับที่มีอยู่ และนั่นต้องเคารพธีมหลักของเว็บตูนด้วย หากผู้สร้างทำไม่ได้ ก็ไม่ควรใช้ชื่อเรื่องว่า Jeongnyeon”
ข้อกล่าวหาเรื่อง ‘การลบล้างความเป็นสตรีนิยม’
การลบ บูยง และเรื่องเล่าเกี่ยวกับสตรีนิยมอื่น ๆ ออกไปนั้นได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรม โชฮเยยอง (Cho Hye-young) ตั้งข้อสังเกตว่า บูยง เป็นตัวแทนของนักสตรีนิยมที่เรียกร้องตัวตนของเธอคืนในฐานะนักเขียนบทละคร ซึ่งแตกต่างจากแม่ของเธอที่ใช้ชีวิตเป็นนักเขียนไร้ชื่อภายใต้ข้อจำกัดของสังคมชายเป็นใหญ่
“การลบ บูยง ออกไปทำให้บริบทของความเป็นสตรีนิยมในเรื่องนี้หายไป” โชฮเยยอง กล่าว “ถ้า จูรัน ถูกกำหนดให้สืบสานมรดกของ บูยง เรื่องราวของเธอไม่ควรจบลงด้วยการแต่งงาน”
การประเมินผู้ชมต่ำเกินไป
อีจินซง (Lee Jin Song) นักวิจารณ์อีกคนกล่าวว่าการปรับเปลี่ยนของซีรีส์เกิดจากการประเมินความสามารถของผู้ชมในการรับชมเนื้อหาที่ซับซ้อนต่ำเกินไป “การลบองค์ประกอบที่แสดงถึงความแปลกแยกและสตรีนิยมเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนั้นถือเป็นการหลีกเลี่ยง ซึ่งก็เหมือนกับการไม่พูดอะไรเลย”
โชฮเยยอง ชี้ให้เห็นตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น ซีรีส์ “Orange Is the New Black” ของ Netflix ซึ่งได้รับความนิยมเนื่องจากนำเอาอัตลักษณ์และเรื่องราวที่หลากหลายมาใช้ “ผู้ชมชาวเกาหลีไม่ได้อนุรักษ์นิยมอย่างที่มักถูกพรรณนาไว้ หากยังคงยึดมั่นในเนื้อหาดั้งเดิม ผู้สร้างสามารถแสดงความสามารถในการเล่าเรื่องแทนที่จะเจือจางเรื่องแบบนั้นออกไป”
ตอนนี้ตอนจบของ “Jeonnyeon” ถือเป็นโอกาสที่พลาดไปในการยกระดับเนื้อหาต้นฉบับและดึงดูดผู้ชมด้วยเรื่องราวที่กล้าหาญและสมจริง นักวิจารณ์กล่าวปิดท้ายว่าการดัดแปลงที่เจือจางลงสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงในการสร้างสรรค์ที่กำลังแผ่ขยายในการผลิตซีรีส์เกาหลี